ทุนเสมาพัฒนาชีวิต

ความเป็นมา
โครงการเสมาพัฒนาชีวิต กระทรวงศึกษาธิการ เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาลในการที่จะรณรงค์เพื่อบรรเทาปัญหาของการประกอบอาชีพธุรกิจบริการทางเพศโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรณีโสเภณีเด็กซึ่งเป็นอาชีพที่ไม่พึงประสงค์จะไม่ยอมให้มีขึ้นในสังคมไทยโดยเด็ดขาด ประกอบกับกระทรวง ศึกษาธิการมีนโยบายขยายโอกาสทางการศึกษา และป้องกันมิให้เด็กเข้าสู่ตลาดแรงงานก่อนวัยอันสมควรหรือประกอบอาชีพที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนทราบและเข้าใจถึงอันตรายของการประกอบ ธุรกิจทางเพศ และเพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโสเภณีเด็กดังกล่าวเป็นผลสำเร็จ จึงได้เริ่มจัดโครงการเสมาพัฒนาชีวิตเมื่อเดือนมกราคม 2537 ทั้งนี้เพื่อหาทางช่วยเหลือเด็กหญิงที่มีความเดือดร้อนสูง มิให้ตกเป็นเหยื่อของการประกอบอาชีพที่ไม่พึงประสงค์ โดยใช้กระบวนการทางการศึกษาเป็นหลักในการดำเนินงาน เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2537 ให้กระทรงศึกษาธิการจัดสรรทุนการศึกษาเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่อยู่ในครอบครัวซึ่งมีฐานะยากจนอยู่ในสภาวะยากลำบาก ให้ได้เรียนต่อระดับชั้นมัธยมศึกษามากยิ่งขึ้น โดยจัดสรรทุนการศึกษาประเภทเรียนไป – กลับ จำนวนปีละ 4,000 ทุนๆ ละ 2,400 บาทต่อปี และทุนประเภทเรียนประจำ จำนวนปีละ 500 ทุน ดำเนินการในเขตการศึกษา 8 เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีการศึกษา 2537 เป็นต้นมา และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2539 อนุมัติแผนการปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาธุรกิจบริการทางเพศซึ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการได้ขอขยายพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเป้าหมายจำนวนนักเรียนให้มากขึ้น เพื่อดำเนินการได้ทั่วประเทศโดยเพิ่มกลุ่ม ม.1สำหรับนักเรียนประเภทไป – กลับ ในปีการศึกษา 2541 เป็น 10,000 ทุน ๆ ละ 3,000 บาท ต่อปี ส่วนนักเรียน ทุนประเภทประจำนั้น สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการโอนเงินงบประมาณ ให้กรมสามัญศึกษาเป็นผู้ดำเนินการและเสนอของบประมาณเป็นปีๆ ไป
ประเภทของทุน
1. ทุนประเภท ก. (ทุนนักเรียนเรียนประจำ) เป็นทุนสำหรับนักเรียนที่มีความเดือดร้อนมาก หรือไม่มีผู้อุปการะ หรือไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ และอยู่ในสภาวะยากลำบากมากที่สุดให้ได้รับทุนการศึกษาประเภทก. โดยให้ศึกษาในโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โดยอยู่ประจำที่โรงเรียน ซึ่งรัฐออกค่าใช้จ่ายให้ตลอดระยะเวลา 3ปี ที่นักเรียนศึกษาอยู่ทุนละ 12,000 บาทต่อปี โดยเงินทุนการศึกษานี้จะจ่ายให้แก่โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ หรือโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ที่นักเรียนไปเรียนประจำ ไม่ได้จ่ายให้แก่นักเรียนโดยตรง ซึ่งตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้โอน ให้กรมสามัญศึกษารับไปดำเนินการ
2. ทุนประเภท ข. (ทุนนักเรียนไป – กลับ) เป็นทุนสำหรับนักเรียนที่มีความเดือดร้อนหรืออยู่ในสภาวะเช่นเดียวกับทุนประเภท ก. แต่ยังสามารถอาศัยอยู่กับครอบครัวได้อย่างปลอดภัยเป็นทุนต่อเนื่อง 3 ปี (ไม่รวมการศึกษานอกระบบ) สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษา โดยแบ่งจ่ายปีละ 3,000 บาท (จ่ายภาคเรียนละ 1,500 บาท) รวมเป็นเงิน 9,000 บาท

หลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิขอรับทุน
1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ขอรับทุนประเภท ก. (ทุนประเภท ก. เฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา ลำพูน และแม่ฮ่องสอน)
1.1 เป็นนักเรียนหญิงที่สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้ว หรือกำลังศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
1.2 มีฐานะความเป็นอยู่ และสภาพครอบครัวข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อดังต่อไปนี้
(1) อยู่ในครอบครัวหรือชุมชนที่มีผู้ประกอบอาชีพธุรกิจทางเพศ หรือมีแนวโน้มว่า อาจจะ ถูกซักชวนให้ประกอบอาชีพดังกล่าวได้ง่าย
(2) บิดาและ/หรือมารดา ถึงแก่กรรม ทุพพลภาพ หรืออยู่ระหว่างต้องโทษจำคุก ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้
(3) บิดาและ/หรือมารดา ติดยาเสพติดอย่างรุนแรง อันอาจทำให้ไม่มีความปลอดภัยแก่นักเรียน
(4) อยู่ในครอบครัวที่มีปัญหาขาดความอบอุ่นทางด้านจิตใจและปัญหาความไม่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากสภาวะความแตกแยกในครอบครัว ต้องอาศัยอยู่กับ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงญาติพี่น้อง หรือบุคคลอื่น
(5) ครอบครัวมีฐานะยากจนไม่สามารถอุดหนุนส่งบุตรให้เรียนต่อได้
(6) เป็นเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กจากครอบครัวผู้ป่วยเอดส์ เด็กเร่ร่อน ถูกทอดทิ้ง หรือเด็กในสภาวะยากลำบาก

2 คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์รับทุนประเภท ข. (ดำเนินการทุกจังหวัดทั่วประเทศ)
2.1 เป็นนักเรียนหญิงที่สำเร็จการศึกษาขั้นประถมศึกษาปีที่ 6 แล้ว หรือกำลังศึกษาอยู่ในขั้นประถมศึกษาปีที่ 6
2.2 มีฐานะความเป็นอยู่ และสภาพครอบครัวข้อใดข้อหนึ่งหรือหลายข้อดังต่อไปนี้
(1) อยู่ในครอบครัวหรือชุมชนที่มีผู้ไปประกอบอาชีพธุรกิจบริการทางเพศ หรือมีแนวโน้ม ว่า อาจจะถูกซักจูงให้ประกอบอาชีพดังกล่าวได้ง่าย
(2) บิดาและ/หรือมารดา ถึงแก่กรรม ทุพพลภาพ หรืออยู่ระหว่างต้องโทษจำคุก ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้
(3) บิดาและ/หรือมารดา ติดยาเสพติดอย่างรุนแรง อันอาจทำให้ไม่มีความปลอดภัยแก่นักเรียน
(4) อยู่ในครอบครัวที่มีปัญหาขาดความอบอุ่นทางด้านจิตใจและปัญหาความไม่ปลอดภัย อันเนื่องมาจากสภาวะความแตกแยกในครอบครัว ต้องอาศัยอยู่กับ พ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงญาติพี่น้อง หรือบุคคลอื่น
(5) ครอบครัวมีฐานะยากจนไม่สามารถอุดหนุนส่งบุตรให้เรียนต่อได้
(6) เป็นเด็กในสถานสงเคราะห์เด็กจากครอบครัวผู้ป่วยเอดส์ เด็กเร่รอนถูกทอดทิ้ง หรือเด็กในสภาวะยากลำบาก

มีนักเรียนได้รับทุนจำนวน 1 คน ดังนี้